เมื่อโลกนี้มี
"กฎหมายสมรสเท่าเทียม"

 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการผ่านร่างฯ กฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทย ในระหว่างที่รอประกาศใช้อย่างเป็นทางการนั้น เรามาย้อนดูการเดินทางกว่า 20 ปี ก่อนที่ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” จะผลิดอกเบ่งบานไปทั่วโลกกันค่ะ 

equal-marriage-law

ย้อนรอยการต่อสู้เพื่อความรักที่เท่าเทียมอันยาวนาน อาจจะนานนับศตวรรษ หรือมากกว่านั้นก็เป็นได้ แต่เหตุการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมครั้งใหญ่ก็คือ “เหตุจลาจลที่สโตนวอลล์ หรือ Stonewall Riots” ที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับการกดขี่การแสดงออกและอัตลักษณ์ทางเพศ

หลังจากนั้นก็มีการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิและการแสดงออกถึงตัวตนอย่างเสรีภาพอย่างเท่าเทียมมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่มี “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” เกิดขึ้น

เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศแรกในโลกที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยคู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผ่านร่างฯ ในเดือนธันวาคม ปี 2000 ก่อนจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ปี 2001

ก่อนที่ประเทศต่างๆ จะเริ่มมีการประกาศใช้ต่อมา อาทิ เบลเยียม (ประเทศที่ 2 ของโลก) แคนาดา (ประเทศแรกของทวีปอเมริกาเหนือ) แอฟริกาใต้ (ที่แรกและที่เดียวของภูมิภาคแอฟริกา) อาร์เจนตินา (ประเทศแรกในแถบอเมริกาใต้) และอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

 ไต้หวัน เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เปิดประตูรับความเท่าเทียม โดยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มี “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ก่อนตามมาด้วย เนปาล เป็นประเทศที่ 2 ในเอเชีย (ยังอยู่ในระหว่างการจับตาเรื่องการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ)

 ไทย ได้ก้าวไปเป็นประเทศที่ 3 ของเอเชีย และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ร่างฯ กฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้นก็ได้ผ่านมติเห็นชอบในขั้นตอนพิจารณาวาระ 2 – 3 จากสมาชิกวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว เหลือไม่กี่ขั้นตอนก็พร้อมรอประกาศใช้อย่างทางการ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นช่วงปลายปี 2024 นี้ค่ะ 

ปัจจุบัน นับรวมทั้งหมดทั่วโลกในตอนนี้ก็มีประมาณ 37 ประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิ.ย.67) ซึ่งก็ยังเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับประเทศทั้งหมดทั่วโลก

แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้ก็มีอีกหลายประเทศที่กำลังเคลื่อนไหว และมีการตอบรับจากภาครัฐในการพิจารณา “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” หรือบางประเทศก็รอการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียวค่ะ

ทั้งหมดนี้ สิ่งที่ยากมากๆ นอกจากเรื่องของกฎหมาย คือ การทลายอคติและความเชื่อต่อเพื่อนมนุษย์ที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ กายภาพ หรือใดๆ ก็ตาม ที่ฝังหยั่งรากลึกมายาวนาน พร้อมส่งต่อกันมาเรื่อยๆ โดยหลงลืมที่จะเคารพตัวตนและเลือกปฏิบัติเสมือนว่าเราไม่เท่ากัน

อย่างไรก็ดี หวังว่าการมีตัวบทกฎหมายชัดเจนอย่าง “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” หรือมีพื้นที่สื่อบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และการเคารพในความหลากหลาย ไปจนถึงการซัพพอร์ตการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านการเดินขบวน PRIDE PARADE และกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ ก็เพื่อเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมเห็นความสำคัญของความเท่าเทียม สิทธิ และเสรีภาพของทุกคนมากขึ้นค่ะ

เมื่อความหวังของเราได้ผลิบานจากสีรุ้งของความหลากหลาย สู่สายรุ้งของการเริ่มต้นอีกครั้ง ในวันนั้นเราคงได้พบปลายทางแห่งความเท่าเทียมรออยู่อีกฟากฝั่งของสะพานสายรุ้งค่ะ 

ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ ThaiPBS, The Standard, The Momentum, Vogue Thailand, Equal Dex, และ National Geographic

CONTRIBUTOR

Related Articles

syndicated oan lgbtqia+

คู่รัก LGBTQIAN+ ต้องรู้! กู้ร่วมอย่างไร ให้ผ่านง่าย

เมื่อคู่รัก LGBTQIAN+ วางแผนอนาคตอยากใช้ชีวิตด้วยกัน หากต้องการมีบ้านในฝันเป็นของตัวเอง จะสามารถ “กู้ร่วม” กันได้ไหม? ตอบเลยว่า “ได้ค่ะ”  เพราะตอนนี้ก็มีธนาคารหลายแห่งให้สินเชื่อที่คู่รัก LGBTQIAN+ สามารถกู้ร่วมกันได้ตามเงื่อนไขเดียวกับ “คู่รักที่ยังไม่ได้สมรสกัน” โดยต้องมี “เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน” ประกอบในการยื่นกู้ด้วยค่ะ วันนี้เราเองก็ได้รวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะช่วยให้การกู้ร่วมนั้นมีโอกาสผ่านการอนุมัติง่ายขึ้น มาฝากกันค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพราะเราอยากเห็น

Cyberbullying

Cyberbullying ภัยคุกคามต่อจิตใจที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม 

บูลลี่ที่ไม่ใช่แค่แกล้ง การโพสต์ หรือ คอมเม้นต์โดยไม่คิด อาจจะเป็นแผลใจให้ใครบางคนไปตลอดชีวิตเลยก็ได้  ในทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Social Media เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันของหลายคน ทุกวันนี้อาจจะพูดได้ว่า โลกถูกขับเคลื่อนด้วย Social Media ทำไมนะหรอ? จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเราจะไปที่ไหน จะเดินไปบนถนน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินไปในห้าง หรือแม้กระทั่งหันไปมองคนข้างๆ ก็จะเห็นคนก้มเล่นโทรศัพท์

EVERY BLOOMING HAS A STORY

EVERY BLOOMING HAS A STORY เพราะดอกไม้…มีความหมายกว่าที่คิด

ทุกเรื่องราวดีๆ มีเบื้องหลังซ่อนอยู่ ที่คุณเองอาจจะยังไม่รู้ ในปีนี้แสนสิริเฉลิมฉลองการต่อสู้เรื่องสมรสเท่าเทียมผ่านคอนเซ็ปต์ “HOPE BLOOMS, LOVE WINS”  เพราะครั้งนี้ความหวังได้ก่อตัวขึ้น และเริ่มเบ่งบานดั่งดอกไม้ที่พร้อมจะเฉิดฉาย เหมือนกับดอกไม้ที่เราได้เลือกมาใช้ในดีไซน์ของชิ้นงานในครั้งนี้ แต่ดอกไม้เหล่านี้ไม่ใช่มีเพียงแต่ความสวยงาม หากแต่บ่งบอกและซ่อนเร้นไว้ด้วยความหมายที่เกี่ยวโยงกับ LGBTQIA+ ด้วย เราลองมาดูกันว่าดอกไม้แต่ละดอกมีความหมายว่าอย่างไร เพราะทุกดอก มีเรื่องราวอยู่ในนั้น เริ่มกันที่ดอกคาร์เนชันสีเขียว ดอกไม้ดอกนี้เป็นสัญลักษณ์แทนความรักระหว่างเพศเดียวกัน ซึ่งจะสื่อความถึงเกย์